ระบบพาสเจอไรเซอร์ คืออะไร?
ระบบพาสเจอไรเซอร์ (Pasteurizer Systems) เป็นอุปกรณ์สำคัญในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ใช้ในการทำให้ของเหลวร้อนถึงอุณหภูมิที่กำหนดไว้เป็นระยะเวลาหนึ่ง กระบวนการนี้เรียกว่าการพาสเจอไรเซชัน ซึ่งช่วยกำจัดแบคทีเรียที่เป็นอันตราย เชื้อโรค และจุลินทรีย์ที่ทำให้เสื่อมเสีย ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ เช่น นม น้ำผลไม้ เบียร์ และซอส ปลอดภัยและมีอายุการเก็บรักษาที่ยาวนานขึ้น
การทำงานของการพาสเจอไรเซชัน
การพาสเจอไรซ์ คือ กระบวนการใช้ความร้อนในระดับต่ำเพื่อกำจัดเชื้อจุลินทรีย์และชะลอการเสื่อมสภาพของผลิตภัณฑ์ โดยมีต้นกำเนิดจากงานของหลุยส์ ปาสเตอร์ นักเคมีและจุลชีววิทยาชาวฝรั่งเศส ที่ได้แสดงให้เห็นว่าอนุภาคในอากาศทั่วไปสามารถทำให้อาหารเน่าเสีย ต่างจากอากาศบริสุทธิ์ จึงถือว่าเป็นผู้บุกเบิกและวางรากฐานให้กับทฤษฎีเชื้อโรค (The Germ Theory of Disease) ซึ่งต่อมาเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง
การพาสเจอไรซ์มักใช้ความร้อนต่ำกว่า 100 องศาเซลเซียส หรือจุดเดือดของน้ำ โดยอุณหภูมินี้สามารถหยุดยั้งเอนไซม์และทำลายจุลินทรีย์ที่ก่อโรคได้ เช่น แบคทีเรีย ยีสต์ รา และเชื้อโรคชนิดอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้ยังคงเหลือสปอร์ของแบคทีเรียบางชนิดที่ทนทานต่อความร้อน ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการพาสเจอไรซ์จึงควรเก็บไว้ในที่อุณหภูมิต่ำ เพื่อป้องกันการเติบโตของสปอร์เหล่านั้น โดยสรุป 3 หลักกการสั้นๆ เกี่ยวกับการทำงานของระบบพาสเจอไรเซอร์ ดังนี้
1.การให้ความร้อน ของเหลวถูกทำให้ร้อนถึงอุณหภูมิที่กำหนด โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 60°C ถึง 85°C (140°F ถึง 185°F) ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่ถูกประมวลผล
2.การรักษาอุณหภูมิ ของเหลวจะถูกเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมินั้นเป็นระยะเวลาที่กำหนดเพื่อให้มั่นใจว่าจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายถูกทำลายอย่างมีประสิทธิภาพ
3.การทำให้เย็น หลังจากเวลาที่กำหนด ของเหลวจะถูกทำให้เย็นอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้แบคทีเรียที่เหลืออยู่เติบโต
ประเภทของระบบพาสเจอไรเซอร์
1. พาสเจอร์ไรซ์แบบเป็นชุด (Batch Pasteurizers)
การพาสเจอร์ไรซ์แบบเป็นชุด (Batch Pasteurization) เป็นวิธีการใช้ความร้อนเพื่อฆ่าเชื้อในอาหารหรือเครื่องดื่มโดยการนำวัตถุดิบมาให้ความร้อนในหม้อต้ม หรือ “Batch Pasteurizer” โดยการให้ความร้อนจะทำอย่างช้า ๆ จนกระทั่งถึงอุณหภูมิและเวลาที่กำหนด ซึ่งกระบวนการนี้จะถ่ายเทความร้อนอย่างค่อยเป็นค่อยไปในลักษณะของ Low Temperature Long Time (LTLT) หลังจากครบระยะเวลาแล้ว ผลิตภัณฑ์จะถูกบรรจุลงในบรรจุภัณฑ์อย่างเหมาะสม
วิธีการพาสเจอร์ไรซ์แบบนี้ยังคงเป็นที่นิยมในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการผลิตนม โยเกิร์ต น้ำผลไม้ และเครื่องดื่มที่ต้องการรักษารสชาติและคุณภาพสูงสุด กระบวนการนี้มีข้อดีคือสามารถควบคุมการทำความร้อนได้อย่างแม่นยำ และลดการเสื่อมสภาพของรสชาติและสารอาหารได้เป็นอย่างดี
2. พาสเจอไรเซอร์แบบต่อเนื่อง (Continuous Pasteurizers)
การพาสเจอร์ไรซ์แบบต่อเนื่อง เป็นกระบวนการที่ให้อาหารและเครื่องดื่มผ่านการฆ่าเชื้อในระบบท่ออย่างต่อเนื่อง โดยใช้ความร้อนสูงในช่วงเวลาสั้น ๆ (High-Temperature Short-Time หรือ HTST) เพื่อกำจัดเชื้อโรค หลังจากนั้นจะคงอุณหภูมิไว้ในช่วงระยะเวลาที่กำหนด แล้วจึงทำให้ผลิตภัณฑ์เย็นลงทันที
ขั้นตอนนี้ช่วยให้สามารถบรรจุอาหารหรือเครื่องดื่มลงในบรรจุภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็ว และรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ไว้ได้ดี โดยส่วนมากจะเก็บรักษาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไว้ที่อุณหภูมิต่ำเพื่อคงความสดใหม่ หรือเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเพิ่มเติมในขั้นตอนถัดไป
3. พาสเจอไรเซอร์แบบแผ่น (Plate Pasteurizers)
พาสเจอไรเซอร์แบบแผ่น เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการพาสเจอร์ไรซ์อาหารและเครื่องดื่มโดยการแลกเปลี่ยนความร้อนผ่านแผ่นโลหะบางหลายชั้นที่จัดเรียงเป็นแผง โดยของเหลวที่ต้องการพาสเจอร์ไรซ์จะไหลผ่านช่องว่างระหว่างแผ่นโลหะ ซึ่งจะมีน้ำร้อนหรือไอน้ำไหลผ่านในช่องว่างของแผ่นที่อยู่ถัดกัน ทำให้ความร้อนถ่ายเทไปยังของเหลวอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยการพาสเจอไรเซอร์แบบแผ่น เป็นทางเลือกยอดนิยมในอุตสาหกรรมที่ต้องการรักษาคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์
4. พาสเจอไรเซอร์แบบท่อ (Tubular Pasteurizers)
พาสเจอไรเซอร์แบบท่อ หรือ Tubular Pasteurizer มีท่อยาวสำหรับการแลกเปลี่ยนความร้อนที่ให้การพาสเจอไรเซชันที่มีประสิทธิภาพสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีความหนืด โดยหลักการทำงานคือการให้อาหารไหลผ่านท่อที่ถูกทำให้ร้อน โดยมีไอน้ำหรือน้ำร้อนเป็นตัวกลางในการถ่ายเทความร้อน อาหารจะถูกสูบเข้าสู่ท่อที่มีการควบคุมอุณหภูมิ ไอน้ำหรือน้ำร้อนจะไหลผ่านด้านนอกของท่อ ทำให้ความร้อนถ่ายเทเข้าสู่อาหารที่ไหลอยู่ภายใน จากนั้น อาหารจะถูกคงอุณหภูมิไว้ในระดับที่กำหนดเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าเชื้อโรคถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ เเละจะถูกระบายความร้อนอย่างรวดเร็วโดยการไหลผ่านท่อที่ใช้น้ำเย็น
ประโยชน์ของการใช้ระบบพาสเจอไรเซอร์
ระบบพาสเจอไรเซอร์ ที่ทันสมัยสามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพ ทำให้ลดต้นทุนในการผลิตและเพิ่มผลผลิต เป็นกระบวนการที่มีความสำคัญอย่างมากในการผลิตอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายชนิด ช่วยเพิ่มความปลอดภัย ยืดอายุการเก็บรักษา และรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ทำให้ผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้ในความสะอาดและปลอดภัยของอาหารที่รับประทาน
การผลิตอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายประเภทมักผ่านกระบวนการนี้ ได้แก่ นมและผลิตภัณฑ์นม, น้ำผลไม้, ไข่และผลิตภัณฑ์จากไข่, เบียร์และไวน์, อาหารกระป๋อง, เครื่องดื่ม ฯลฯ โดยสรุปประโยชน์หลักๆ ของระบบพาสเจอไรเซอร์ ดังนี้
– ความปลอดภัย ลดความเสี่ยงของโรคที่เกิดจากอาหารโดยการกำจัดเชื้อโรคที่เป็นอันตราย
– คุณภาพ รักษารสชาติ สี และคุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์
– อายุการเก็บรักษา ขยายอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ ลดของเสียและเพิ่มผลกำไร
– การปฏิบัติตามกฎระเบียบ ช่วยให้ผู้ผลิตปฏิบัติตามมาตรฐานและข้อกำหนดด้านความปลอดภัยอาหาร
ระบบพาสเจอไรเซอร์ (Pasteurizer Systems) กุญแจสำคัญในการยืดอายุอาหารได้นานขึ้น
การพาสเจอไรซ์เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในการอุตสาหกรรมอาหาร ช่วยให้เรามีอาหารที่ปลอดภัย สะอาด และมีคุณค่าทางอาหารบริโภคกันอย่างมั่นใจ ไม่เพียงผลิตภัณฑ์นมเท่านั้น การพาสเจอไรซ์ยังใช้กับอาหารอื่น เช่น อาหารกระป๋อง น้ำผลไม้ น้ำเชื่อม และไวน์ โดยกระบวนการนี้ใช้อุณหภูมิประมาณ 50-60 องศาเซลเซียส และใช้เวลาให้ความร้อนต่อเนื่องเพื่อกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตราย เช่น Mycobacterium Tuberculosis ซึ่งเป็นสาเหตุของวัณโรค รวมถึงเชื้อรา แบคทีเรียแกรมลบ และแบคทีเรียแกรมบวก
อย่างไรก็ตาม ยังมีเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดที่ทนความร้อนสูงซึ่งอาจยังคงอยู่หลังการพาสเจอไรซ์ การเก็บรักษาผลิตภัณฑ์หลังจากพาสเจอไรซ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ อาหารหรือเครื่องดื่มเหล่านี้ควรเก็บในตู้เย็นหรือช่องฟรีซ หรือหากจำเป็นต้องเก็บในอุณหภูมิห้อง อาจต้องใช้เทคนิคการถนอมอาหารเพิ่มเติม เช่น การเติมสารกันเสีย การปรับให้เป็นกรด หรือการรมควัน เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น
กล่าวโดยสรุป ระบบพาสเจอไรเซอร์ (Pasteurizer Systems)มีความสำคัญในการรับประกันความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มหลายชนิด โดยการเข้าใจการทำงานและประเภทต่างๆ ที่มีอยู่ ผู้ผลิตสามารถเลือกระบบที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองความต้องการการผลิตในขณะที่ปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นในโรงงานผลิตนมขนาดเล็กหรือโรงงานผลิตเครื่องดื่มขนาดใหญ่ การพาสเจอไรเซชันที่มีประสิทธิภาพเป็นกุญแจสำคัญในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภค